“เรียนภาษาอังกฤษยังไงให้ได้ผล” ” ทำอย่างไรให้เรียนภาษาอังกฤษเก่ง” คงเป็นคำถามที่ถูกถามมากที่สุดในการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคตอันใกล้ประเทศไทยจะ go inter เข้าไปเป็นหนึ่งในชาติสมาชิกในการรวมกลุ่มภูมิภาคอาเซียน ภาษาอังกฤษจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้ว่าใครจะได้โอกาสเหนือกว่าใคร
การเรียนภาษาอังกฤษของเด็กไทย
น้องๆ หรือผู้ปกครองคงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าการเรียนภาษาอังกฤษของเด็กไทยเป็นแบบ “ท่องจำ (ให้จบๆ เพื่อไปสอบเอาตัวรอด)” (คงไม่แรงไปเนอะ ตรงดี) เพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่เรา ไม่ใช่ภาษาที่เราใช้ตั้งแต่เกิด ไม่ได้ใช้ทุกวันเหมือนภาษาไทย แต่เป็นภาษาที่เราเหมือนถูกยัดเยียดให้เรียน ให้ทำให้ดีให้ได้ ดังนั้นเด็กไทยจึงต้องใช้วิธีท่องจำเอา การท่องจำไม่ใช่สิ่งไม่ดี แต่ปัญหาคือเราท่องจำศัพท์ ท่องกฏไวยากรณ์มากมายเพื่อการสอบให้ผ่านๆ ไปเท่านั้น แต่เราไม่ได้เอาไปใช้ ดังนั้นพอการสอบผ่านไป (อาจจะเร็วขนาดวันรุ่งขึ้นหลังสอบ) ความรู้ที่ “ท่อง” มาก็คืนหนังสือเรียบร้อย จริงๆ จะโทษนักเรียนก็ไม่ถูกนัก เพราะระบบการศึกษาไทยสอนแต่กฏ ไม่ได้สอนการประยุกต์ใช้จริง ดังนั้นเด็กๆก็ได้แต่ท่องกฏๆๆ มากมายโดยไม่รู้จะเอาไปใช้ยังไง (น่าสงสารเนอะ)
การสอนภาษาอังกฤษในห้องเรียนยังเป็นแบบท่องจำอยู่ เช่น นักเรียนต้องท่องเนื้อหาใน passage เพื่อจำไปสอบในข้อสอบ reading!!! พี่ฟังแล้วตกใจมาก เพราะอะไรหนะหรอ reading ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าคือทักษะการอ่าน แต่การให้นักเรียนท่อง passage ที่เรียนในห้องเพื่อไปทำข้อสอบ reading ถามหน่อยว่ามันวัดทักษะการอ่านตรงไหนหรอ หรือแม้แต่ข้อสอบระดับประเทศที่เดี๋ยวนี้รูปแบบการวัดเปลี่ยนไป เน้นการวิเคราะห์มากขึ้น แต่ถามหน่อยว่าคุณครูสอนให้นักเรียน “วิเคราะห์” หรือเปล่า แล้วเด็กจะทำข้อสอบได้มั้ยละนั่น
แล้วจะทำยังไงให้ใช้ภาษาอังกฤษได้ละ
เราจะไม่ขอพูดถึงประเด็นระดับชาติ หรือความจำเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขระบบการศึกษาไทยให้เด็กไทยทัดเทียม (แม้การะทั่ง) ชาติอาเซียนด้วยกัน อันนั้นคงต้องรอให้น้องๆ โตไปปรับระบบ แต่ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้จริงๆ เราก็ต้องหันมาพัฒนาตัวเองละเนอะ
เริ่มจากเราต้องรู้สึก “รักภาษาอังกฤษ” ก่อน (แรงไปหรอ โอเค เอาใหม่ๆ) “รู้สึกยอมรับภาษาอังกฤษ” ซะก่อน (อย่างนี้พอไหวเนอะ) ไม่ว่าเราจะทำอะไรจุดเริ่มต้นที่ดีคือการ “มีใจ” ให้มัน สนใจกับมันซะก่อน รู้ว่าอาจจะฝืนน้องๆ หลายคนที่ไม่ชอบเอาซะเลย แต่น้องต้องมองย้อนไปคิดสิว่าทำไมเราถึงไม่ชอบ ครูไม่ดี สอนไม่รู้เรื่อง เรียนไม่รู้เรื่อง หรือเพราะอะไร ตอนนี้ลองปรับมุมมองใหม่ว่า ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราเหนือกว่าคนอื่นๆ ได้ ยังไงก็ต้องใช้มันให้เป็น เดี๋ยวต่อป. โท ก็ต้องอ่านตำราภาษาอังกฤษ เขียนวิทยานิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษ สมัครงานก็ต้องใช้อังกฤษ โอ้ย อังกฤษทุกขั้นตอน หนีไม่พ้นหนะว่าง่ายๆ
วิธีที่พี่คิดว่าน่าจะเวิร์คในการเรียนภาษาอังกฤษคือ น้องต้องสร้างโครงสร้างที่แข็งแรงให้กับตัวเองก่อน เวลาสร้างบ้านน้องก็ต้องมีโครงที่แข็งแรงก่อนถูกมะ ฉันใดก็ฉันนั้น (มีการเปรียบเทียบด้วยแฮะ) ดังนั้น ไวยากรณ์ หรือ grammar เนี่ยนะ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้น้อง อ่านได้ เขียนได้ พูดได้ ฟังได้ แน่นอน ดังนั้นต้องมีโครงสร้างที่แข็งแรงก่อน พี่ไม่ได้เน้นให้น้องต้องนั่งท่องกฏเป็นวรรคเป็นเวรหรอก น้องอาจจะทำความเข้าใจ อ่านกฏ ที่สำคัญแล้วต้องเอาไป “ประยุกต์ใช้” ถึงเวลานั้นกฏที่อ่านๆ มามันก็จะยิ่งติดอยู่ในหัวมากขึ้นเอง ยังไงหนะหรอ เริ่มการประยุกต์ใช้ที่การอ่าน การอ่านเป็นการสร้างพื้นฐานที่ดีมาก เพราะมันเป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ น้องอ่านข่าวสักข่าวนึงจะได้อะไรบ้างละ แน่นอน ศัพท์ (ต้องขยันเปิด dictionary ด้วย) ไม่ใช่ปล่อยมันผ่านๆ ไปแล้วเมื่อไหร่จะเก่งศัพท์ละ ได้โครงสร้างภาษาใหม่ เราอาจจะไม่เคยเห็นการเขียนประโยคแบบนี้มาก่อนเลย เราก็ได้เห็นว่า ออ เค้าใช้อย่างนี้ได้ด้วยนะ แล้วไวยากรณ์ที่อ่านๆ มามันก็จะเข้ามาอยู่ในหัวเราเอง ว่า ออ ที่เค้าเขียนแบบนี้เพราะกฏมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
ที่พูดมาก็คือการศึกษา แต่ขั้นต่อไปคือการนำไปใช้จริง เพราะคนเราเอาแต่มองไม่เคยลองทำ มันก็คงทำเป็นได้ยาก วิธีที่เวิร์คมากเวลาพี่ใช้สอนเด็กคือให้เขียนเรื่องให้พี่อ่าน จะเขียนอะไรก็ได้ แต่งนิยายมาให้พี่อ่านก็ยังมี พี่รับได้หมด จัดมาเถอะ เพราะสิ่งที่พี่อยากเห็นคือการให้น้องได้เอาความรู้ที่มีมาใช้จริง เราจะได้เห็นการประยุกต์ใช้ grammar การเขียนประโยค การใช้ตัวเชื่อมเพื่อให้ประโยคต่างๆ สอดคล้องกันออกมาเป็นเรื่อง การใช้ศัพท์ในบริบทที่ถูกต้อง เพราะถึงเรารู้ความหมายของศัพท์แต่ใช้ไม่เป็นก็เท่านั้นเช่น รู้แหละว่า do แปลว่า ทำ ว่าแต่แล้วมันใช้ต่างกับ make ยังไงหรอ เป็นต้น น้องจะได้ใช้ภาษาแบบที่คนที่ใช้เป็นเค้าใช้กันจริงๆ ไม่ใช่แค่เลือก choice a, b, c, d ถูก
ภาษาอังกฤษหรือภาษาใดๆ ก็ตามมันคือเรื่องของการฝึก ยิ่งฝึกมาก ใช้บ่อยความชำนาญก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นหากอยากจะเก่งก็ต้องอ่านบ่อยๆ เขียนบ่อยๆ พูดบ่อยๆ ฟังบ่อยๆ และรู้จักขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมตลอด เพราะความรู้ไม่มีวันหมด ยิ่งรู้มาก ก็ยิ่งได้เปรียบคนอื่นมากนะ
จะรู้ภาษาอังกฤษไปทำไม ก็ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อตัวเรา อนาคตเราเองนั่นแหละ
พี่ส้ม